การกำหนด ค่า Limiter ในการทำ Mastering

ในการทำ Mastering นั้น vst plugin ตัวสุดท้าย หรือรองสุดท้าย ก็คงจะหนีไม่พ้น VST Limiter ซึ่งก็มีด้วยกันหลายค่ายที่ได้ทำ Software Limiter ออกมาให้เราได้เลือกใช้งาน โดยส่วนตัวแล้ว ผมจะชอบใช้บริการ เจ้า L2 vst ของค่าย wave เป็นประจำเหตุผลที่ต้องใส่ปลักอิน Limiter นั้น ก็คือ




  1. ทำให้เพลงของเราไม่ พีค (peak) หรือเกิน 0 dB หากเกิน 0 dB โปรแกรมจะ Clip สัญญาณเราทันที ซึ่งจะทำให้เสียงที่ออกมานั้น เกิดการแตกพล่า โดยส่วนมากผมจะตั้ง Gain Out put ไว้ที่ -0.1 dB ดังในวงกลมสีแดงตามรูปด้านบน เพื่อไม่ให้สัญญาณที่ได้ เกินกำหนด เหตุผลที่ว่าทำไมถึงต้องตั้งที่ -0.1 dB ทำไมไม่ตั้ง 0.0 dB ไปเลย คำตอบง่ายๆ ความเห็นส่วนตัวนะครับ เพราะป้องกันเวลาเรานำเพลงไปเปิดตามที่ต่างๆ หากตั้งไว้ที่ 0 dB สัญญาณที่ Mixer มันจะขึ้นแสดงว่า พีค (Peak) ซึ่งมิกเซอร์ มันจะทำการ Clip สัญญาณทันที ทำให้เสียงเพลงที่ออกมาฟังดูแตก และ พล่า
  2. สามารถทำให้เพลงเรามีความดังเทียบเท่าเพลงทั่วไปตามท้องตลาดโดย นำมาเปิดเทียบในขั้นตอนการทำ มาสเตอร์ริ่ง และเราก็กดสัญญาณ หรือปุ่ม Thres Hold เหมือนในวงกลมสีเขียว ตามรูปด้านบน แต่ก็ควรระวัง หากกดลงมาก ก็จะทำให้เพลงมีเสียงแตกพล่าได้เหมือนกัน ส่วนมากผมก็จะกดลง ประมาณ -3 ถึง -5 dB ตามความเหมาะสม ซึ่งในขั้นตอนการจัดบาลานซ์ เราควรเผื่อ Head Room ไว้ซัก -3 dBโดยตั้งที่ Limiter เหมือนกัน

ในการตั้ง Limiter  นั้น ใน Track Master จะไม่มีการปรับ Gain ใดๆทั้งสิ้น สังเกตุได้ในวงกลมสีแดงตามรูปด้านบน Gain ของ Master Track จะอยู่ที่ 0 dB เหมือนเดิม




CONVERSATION

0 ความคิดเห็น:

Post a Comment

Back
to top